สะพานเจริญศรี ๓๔
“สะพานเจริญศรี”
อันเป็นสะพานข้ามคลองคูเมืองเดิม บริเวณหน้าวัดบุรณศิริมาตยาราม เพื่อเชื่อมกับพระนครชั้นในบริเวณถนนราชินี ด้านหลังกระทรวงยุติธรรมเดิม (ปัจจุบันคือ ศาลฎีกา) แม้ในวันนี้อาจไม่ใช่เส้นทางสายหลักที่ชาวพระนครใช้ในการสัญจรไปมาอย่างแต่ก่อน อันเนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลงของการใช้ประโยชน์พื้นที่โดยรอบ แต่อาจกล่าวได้ว่า ครั้งหนึ่งสะพานแห่งนี้คือสัญลักษณ์แห่งพัฒนาการและความเจริญของกรุงเทพมหานคร
และหากจะกล่าวถึงบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อพัฒนาการของความเจริญของพระมหานครรัตนโกสินทร์แล้ว ก็นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการก่อสร้างสะพาน
เนื่องในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๓๔ พรรษา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๖
โดยที่ผู้เขียนต้องกล่าวเน้นว่า “ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการก่อสร้าง”
มิใช่จะเขียนเพื่อยกยอพระเกียรติคุณเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในช่วงเวลานั้นกิจการทั้งปวงอันเกี่ยวกับพระนคร
เป็นอำนาจหน้าที่ของ “กระทรวงนครบาล” ซึ่งมีงบประมาณแผ่นดินอยู่อย่างจำกัด ไม่สามารถทำให้การพัฒนากรุงเทพมหานครเป็นไปอย่างทั่วถึงและสอดคล้องกับความต้องการของอาณาประชาราษฎรได้ในทุกๆ
เรื่อง ดังนั้น กระทรวงนครบาลจึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำในเรื่องที่จำเป็นก่อน
ส่วนเรื่องที่จำเป็นรองๆ ลงมา จึงต้องอาศัยทั้งพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เงินส่วนพระองค์ของเจ้านาย
หรือเงินของขุนนางข้าราชการ พ่อค้าและประชาชนร่วมกันบริจาค มาร่วมอุดหนุนด้วยอีกส่วนหนึ่ง และอาจกล่าวได้ว่าเป็นส่วนสำคัญด้วย
สำหรับคลองคูเมืองเดิม
หากนับจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปากคลองตลาด จนถึงคลองโรงไหม (ซึ่งปัจจุบันถูกถมกลายเป็นถนนไปหมดแล้ว)
มีการก่อสร้างสะพานถาวรเชื่อมพระนครชั้นนอกและชั้นในแล้วหลายสะพาน เช่น สพานเจริญรัช
สะพานอุบลรัตน์ สะพานช้างโรงสี สะพานผ่านพิภพลีลา และสะพานเฉลิมสวรรค์ เป็นต้น
ส่วนการก่อสร้างสะพานเจริญศรี เป็นการก่อสร้างสะพานถาวรแห่งสุดท้ายที่สร้างข้ามคลองคูเมืองเดิม เพื่อเชื่อมพระนครชั้นในได้ครบถ้วนบริบูรณ์ ดังปรากฏในคำกราบบังคมทูลรายงานการก่อสร้างสะพานเจริญศรี
๓๔ ของเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ความตอนหนึ่งว่า
“...ส่วนในปีนี้
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมศุขาภิบาลสร้างสพานด้วยจำนวนเงินประจำพระชนมวาร
ซึ่งพระราชทานสำหรับพระพุทธศักราช ๒๔๕๖ ขึ้น ณ ที่นี้ แลพระราชทานนามว่า “สพานเจริญศรี”
มีเลข ๓๔ ประจำตามลำดับปีพระชนมพรรษาด้วย สพานนี้ขนาดกว้างในร่วมพนัก ๔ วาศอก ยาว
๖ วา ๒ ศอก สูงจากระดับน้ำธรรมดา ๕ ศอก มีรวดรายแลเครื่องประดับพอควรแก่ลักษณ
แล้วเสร็จบริบูรณ์ ณ วันต้นแห่งมงคลพระราชพิธีฉลองแลเฉลิมพระชนมพรรษา
บรรดาสพานข้ามคูพระนครตอนใน
นับตั้งแต่ปากคลองตลาดถึงคลองหลอด ส่วนตอนใต้ก็ได้มีสพานที่มั่นคงสมควร
นับแต่สะพานเจริญเปนต้นมา
ส่วนด้านเหนือทางตอนคลองโรงไหมก็ได้มีสพานเฉลิมสวรรค์แลสพานผ่านพิภพลีลา
เปนสพานที่ถาวรมาตอนหนึ่งแล้ว ยังขาดอยู่แต่ตำบลที่จะเชื่อมถนนวัดศิรินี้
ก็พอดีกับที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสพานนี้
เปนอันมีสพานที่งดงามมั่นคงตั้งแต่เหนือจนใต้สายคลอง
สำเร็จบริบูรณ์เปนสง่างามแก่พระนครยิ่งขึ้นไป
เปนความยินดีของกรมศุขาภิบาลได้รับพระราชทานพระราชานุเคราะห์สมปราถนา...”
โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสะพานเจริญศรี เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๔๕๗
และมีพระราชดำรัสในการเปิดสะพานความตอนหนึ่งว่า
“เราได้ฟังรายงานของเจ้าพระยายมราช
กล่าวเรื่องสพาน มีความยินดีที่การทำสพานนี้เปนสาธารณกุศลอย่างหนึ่ง
ซึ่งเราได้ทำในเวลาทำบุญอายุของเรา เมื่อได้มาแลเห็นสพานแล้วทันในวันต้นของงานทำบุญวันเกิดก็เปนที่ปลื้มใจสมศรัทธา
การทำสพาน กล่าวโดยทางโลกที่ทำหนทางทั้งสองให้เชื่อมติดกันโดยสดวก คือ
มีสพานไปมาได้เช่นนี้ ก็นับว่าเปนทางดีพ้นจากความขัดข้อง
เพราะฉนั้นกฤชที่จะให้เราสำหรับตัดแพรเปิดสพานครั้งนี้
ขอให้กริชอันเดียวกันนี้เหมือนดังได้ตัดสิ่งซึ่งเปนอุปสัคขัดขวางต่อความเจริญของพระนคร
ที่เจ้าพระยายมราชได้รับมอบหมายให้เปนที่น่าดูแลให้ขาดสูญไปด้วย
สพานนี้ก็เปนสพานงดงามแลจะเปนศรีพระนครสมกับนามว่า สะพานเจริญศรี
เราขอขอบใจเจ้าพระยายมราช แลบรรดาเจ้าน่าที่ๆ ได้ทำการอันนี้สำเร็จไปโดยเรียบร้อย
ด้วยความเอาใจใส่ เพื่อให้สมประสงค์ของเรา”
๑. คำกราบบังคมทูลรายงานการก่อสร้างสะพานเจริศรี ๓๔
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2457/D/2368.PDF
๒. พระราชดำรัสตอบในการเปิดสะพานเจริญศรี
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2457/D/2370.PDF
๓. ข่าวในพระราชสำนักวันพุธที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๔๕๗
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2457/D/2312.PDF
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น