บันทึก เรื่อง นายกรัฐมนตรีมาเฝ้าสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนริศฯ วันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๗


บันทึก
เรื่อง นายกรัฐมนตรีมาเฝ้าสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนริศฯ
วันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๗

(สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ผู้สำเร็จราชแทนพระองค์ในขณะนั้น  : ที่มา https://commons.wikimedia.org/wiki/))

วันนี้ เวลา ๑๗.๑๐ น. นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี กับนายนาวาตรี หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และหม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ ที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มาเฝ้าสมเด็จเจ้าฟ้ากกรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ (พระยศในขณะนั้น ภายหลังได้รับโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็น “กรมพระยา”) ณ พระที่นั่งราชกรัณยสภา

(พระที่นั่งกรัณยสภา ในพระบรมมหาราชวัง : ที่มา http://radio.rmutp.ac.th/)

นายกรัฐมนตรี กราบทูลว่า ได้รับลายพระหัตถ์ที่พระราชทานไปว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชหัตถเลขาทรงสละราชสมบัติ พระราชทานแก่เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศวันนี้ และมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งว่า ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นอันพับไป ในวันที่ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชหัตถเลขาทรงสละราชสมบัติ จะทรงลงพระนามในเอกสารอันใดไม่ได้อีกต่อไป ฉะนั้น บรรดาหนังสือราชการในหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จะต้องปฏิบัติ จำต้องระงับเป็นอันสิ้นสุดในวันนี้นั้นแล้ว นายกรัฐมนตรีเห็นด้วยเกล้าว่า การที่จะไม่ทรงราชการอีกต่อไปนั้นยังไม่ถูกต้อง ควรที่จะรอให้พระราชหัตถเลขาทรงสละราชสมบัตินั้น มาถึงสภาผู้แทนราษฎรเสียก่อน

(นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี : ที่มา http://www.manager.co.th/OnlineSection/ViewNews.aspx?NewsID=9590000061378)

สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ตรัสว่า การที่ต้องทรงกระทำเช่นนั้น ก็เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งมาดั่งนั้น ฉะนั้นจะทรงลงพระนามในเอกสารใดๆ ในทางราชการอีกต่อไปไม่ได้

(ม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็น "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์  : ที่มา http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_94.htm)


หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร กราบทูลว่า ว่าตามกฎหมายแล้ว ยังไม่ทรงขาดจากตำแหน่งต้องทรงรอให้สภาผู้แทนราษฎรอนุมัติการทรงสละราชสมบัติเสียก่อน ทั้งนี้ ก็เพราะได้ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์โดยพระราชกฤษฎีกา นอกจากจะทรงแสดงว่า ไม่ทรงสามารถที่จะทรงปฏิบัติพระภาระในหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้อีกต่อไปแล้วเท่านั้น ถ้าทรงแสดงเช่นนั้นแล้วคณะรัฐมนตรีก็สามารถเข้าทำการแทนได้ตามความแห่งมาตรา ๑๐ แห่งรัฐธรรมนูญ

สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ตรัสว่า ก็เป็นเช่นนั้น พระองค์ไม่ทรงสามารถที่จะปฏิบัติพระภาระในหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้อีกต่อไป เพราะมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งห้ามมา

(พลเรือตรี หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์  (ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์) : ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki)

หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์กราบทูลว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว ก็เป็นอันว่า ในระหว่างรอพระราชหัตถเลขา ถ้ามีเหตุฉุกเฉินหรือกิจราชการจำเป็นที่จักต้องกระทำแล้ว คณะรัฐมนตรีก็ได้ดำเนินการไป แต่ข้อตกลงอันนี้ เป็นการตกลงภายในเท่านั้น ลางทีจะไม่มีเหตุอันใดเกิดขึ้นที่จะต้องทำเช่นนั้นเลย

(เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิต ณ สงขลา) ประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น)

นายกรัฐมนตรีได้กราบทูลถึงวิธีการที่คณะรัฐมนตรีจะได้ดำเนินการต่อไป โดยกล่าวว่า ได้มีโทรเลขไปถึงเจ้าพระยาศรีธรรมธิเบศสั่งให้รับพระราชหัตถเลขาที่ทรงสละราชสมบัตินั้นแล้ว และให้เก็บข้อความแจ้งมาทางโทรเลข เพื่อนำความเสนอสภาผู้แทนราษฎรให้ทราบต่อไป คณะรัฐบาลได้ตกลงว่า เมื่อสภาผู้แทนราษฎรรับรองการสละราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วก็จะได้ขอให้สภาผู้แทนราษฎร รับรองผู้หนึ่งผู้ใดขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ต่อไป โดยยึดหลักแห่งกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.๒๔๖๗ โดยเคร่งครัดทุกประการ แหละถ้าได้แก่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล (ที่ถูกต้อง คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า : รอยใบลาน) แล้ว ก็จะได้ให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกบุคคลหรือคณะบุคคลขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต่อไป จนกว่าพระมหากษัตริย์จะมีพระชนมายุเข้าเกณฑ์บรรลุนิติภาวะ แล้วคณะรัฐบาลตั้งใจจะไปเฝ้าสมเด็จพระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า พระบรมราชเทวีในวันพรุ่งนี้ เพื่อฟังพระกระแสในข้อที่เกี่ยวแก่พระองค์เจ้าอานันทมหิดลต่อไป

(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
และสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า)

สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ตรัสว่า ที่คิดจะไปเฝ้าสมเด็จพระพันวัสสานั้น ไม่ทรงพระดำริเห็นว่าจะมีการขัดข้องอันใด

นายกรัฐมนตรี กราบทูลต่อไปว่า เมื่อพระองค์เจ้าอานันทมหิดล ได้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แล้ว ก็ใคร่จะกราบทูลเชิญสมเด็จเจ้าฟ้าฯ ทรงดำรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ตรัสว่า รับไม่ได้ พระองค์ทรงพระชรามากแล้ว มีพระชันษาถึง ๗๒ พรรษา ทั้งพระกรรณก็ตึง พระบาทก็พิการทรงพระดำเนินไม่ถนัดกับทรงเหน็จเหนื่อยมามากแล้ว ไม่ทรงสามารถที่จะปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ดี อีกประการหนึ่ง พระองค์เจ้าอานันทมหิดลก็มีพระชันษาเพียง ๑๐ พรรษาเท่านั้น พระองค์ก็จะต้องทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นเวลาถึง ๑๐ ปี ทรงทำไม่ไหวแน่

หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ กราบทูลว่า ถึงจะไม่ทรงรับเป็นตลอดไปก็ตามเพียงสักปี ๑ หรือ ๖ เดือนหรือ ๓ เดือน ในตอนต้นหัวต่อหัวเลี้ยวก็ยังดี ขอให้ทรงพระกรุณารับด้วย

อนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระราชดำริเห็นว่า พระองค์เป็นเจ้านายที่สมควรจะทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทั้งนี้ ยังได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานลายพระราชหัตถเลขามาแล้วด้วย กับว่าถ้าไม่ทรงรับแล้ว การเลือกตั้งผู้หนึ่งผู้ใดเป็นพระมหากษัตริย์ อาจจะเป็นไปโดยไม่ราบรื่นในสภาผู้แทนราษฎร อีกประการหนึ่ง ในตอนหัวต่อหัวเลี้ยวเช่นนี้ ข้อสำคัญอยู่ที่ความไว้วางใจทั้งภายในและภายนอกประเทศ ถ้าพระองค์ทรงรับเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว การณ์ก็จะเรียบร้อยดีเป็นอย่างยิ่ง

สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ตรัสว่า ถึงแม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชหัตถเลขามาจริง แต่ก็มิได้ทรงบังคับ ฉะนั้นแม้จะให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นเวลาเพียง ๑ ปีหรือ ๖ เดือนหรือ ๓ เดือน ก็ทรงคิดว่ารับไม่ได้อยู่นั่นเอง แต่จะทรงยินดีให้ความช่วยเหลือเป็นครั้งคราว เป็นการส่วนพระองค์ได้เสมอ ตามที่ได้ทรงรับเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในระวางที่เสด็จพระราชดำเนินคราวนี้ ก็เพื่อจะสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น และก็มิได้ทรงคาดว่าจะต้องทรงกระทำหน้าที่เป็นเวลานานถึงเพียงนี้ เท่าที่ทรงกระทำมาก็เป็นเวลาถึง ๑๔ เดือนแล้ว ทรงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเต็มทีอยู่แล้ว ไม่ทรงสามารถที่จะกระทำได้อีกต่อไป ขอให้เลือกคนหนุ่มๆ เถิด

(พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์ พระโอรสในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ  : ที่มา https://oer.learn.in.th/search_detail/result/27694)

หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ กราบทูลว่า เมื่ออยู่ที่ยุโรปได้โอกาสไปเฝ้าพระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์ และได้ทูลถามว่า จะทรงรับเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้หรือไม่ ก็ทรงตอบปฏิเสธไม่ทรงรับ เพื่อความเรียบร้อยและความมั่นคงแห่งชาติ ขอพระราชทานกราบทูลขอให้สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ทรงรับเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แม้แต่เพียง ๖ เดือนอีกสักครั้งหนึ่ง

สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ก็ยังทรงรับสั่งตามเดิม

นายกรัฐมนตรี กราบทูลว่า ใคร่จะขอพระราชทานบัญชีรายพระนามเจ้านายเรียงตามกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ เพื่อได้ไปพิจารณา

สมเด็จเจ้าฟ้าฯ ตรัสว่า กระทรวงวังผู้เป็นเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นแล้ว และส่งมาให้ทรงตรวจ เมื่อทรงตรวจแล้วจะได้ทรงลงพระนามว่าถูกต้อง ขอให้เรียกเอาจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวังเถิด

นายกรัฐมนตรี เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และหม่อมเจ้าวรรณไวทยากร กราบทูลออกจากที่เฝ้า เวลา ๑๗.๓๐ น.

(ลงพระนาม) อาทิตย์ ราชเลขานุการในพระองค์
จดบันทึก
วันที่ ๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗



(คัดลอกจาก : หนังสือเรื่อง "แถลงการณ์ เรื่องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติ)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สถานที่ประดิษฐานพระบรมศพและพระศพเจ้านาย ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

“พระที่นั่งสีตลาภิรมย์” วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

ประวัติ อำมาตย์เอก พระยาพายัพพิริยกิจ (เป้า จารุเสถียร)