บันทึกเหตุการณ์วันที่ราชทูตเข้าเฝ้าถวายพระราชสาสน์แด่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
จดหมายเหตุรายวันของบาทหลวง
เดอ ซัวซีย์ ผู้ช่วยมองสิเออร์ เลอ เชอวาเลีย เดอ โชมอง ราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ซึ่งเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๒๒๒๘ ได้บันทึกเหตุการณ์วันที่เข้าเฝ้าถวายพระราชสาสน์แด่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ณ พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท ในพระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๘
ตุลาคม พ.ศ.๒๒๒๘
“...ท่านราชทูตซึ่งในขณะนั้นยังสวมหมวกอยู่ในท่าเดิมก็ลุกขึ้นยืน
แล้วก็ถอดหมวกออก หันหน้ามาทางข้าพเจ้า ถวายคำนับพระราชสาสน์
แล้วจึงเชิญพระราชสาสน์ไปจากข้าพเจ้า เดิรตรงไปยังพระโธรน
ข้าพเจ้าจำต้องชี้แจงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในขณะนี้ให้ท่านฟังบ้าง มองสิเออร์
คอนสตันซ์
พยายามจัดการทุกสิ่งทุกอย่างเป็นทางช่วยเหลือมิให้เสื่อมเสียขนบธรรมเนียมประเพณีฝ่ายบุรพะทิศประเทศ
คือ จะไม่ยอมให้พระเจ้ากรุงสยามรับพระราชสาสน์ด้วยพระองค์เอง มองสิเออร์ คอนสตันซ์ เคยให้ความเห็นว่า
ควรจะวางพานพระราชสาสน์ลงบนปลายไม้ปิดทอง
แล้วชูขึ้นถวายก็จะสูงถึงพระโธรนที่ประทับได้โดยสะดวก
อีกประการหนึ่งท่านราชทูตก็ได้รับคำบอกเล่ามาแล้วว่า พระโธรนเลื่อนลงมาให้ต่ำก็ได้
หรือมิฉะนั้นก็มีบันไดเลื่อนให้สูงขึ้นไปได้ เมื่อมองสิเออร์ คอนสตันซ์
เคยชี้แจงให้เราเข้าใจเขวออกไปนอกทาเช่นนั้นแล้ว
เราก็เลยวางใจว่าคงจะถวายพระราชสาสน์โดยลำพังตนเองได้
แต่เวลาที่พวกเราย่างเข้าไปในท้องพระโรงนั้น
ก็ได้เห็นพระเจ้ากรุงสยามประทับอยู่ตรงช่องพระบัญชรสูงจากระดับพื้นไม่ต่ำกว่าวาหนึ่ง
ท่านราชทูตกระซิบบอกข้าพเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเห็นจะไม่ได้ถวายพระราชสาสน์ด้วยตนเองเสียแล้ว
เว้นแต่จะเสียบไม้ชูขึ้นไปถวายเท่านั้น” ข้าพเจ้าขอสารภาพว่า
ข้าพเจ้าเองก็งันงกตกประหม่าไปหมด
หมดปัญญาไม่ทราบว่าจะแนะนำให้ท่านราชทูตทำประการใด
ข้าพเจ้าคิดว่าจะยกม้าตัวที่ท่านราชทูตนั่งนั้น มาวางให้ใกล้พระโธรน
ให้ท่านราชทูตต่อเท้าขึ้นไปยืนบนม้านั้น ทันใดนั้นพอสิ้นคำกราบบังคมทูล
ท่านราชทูตก็แข็งใจเดิรถือพานพระราชสาสน์เข้าไป วางท่าอย่างองอาจผึ่งเผย
บ่ายหน้าตรงสู่พระพระโธรนที่ปรับทับ เพื่อถวายพระราชสาสน์ต่อพระหัตถ์
แต่ระวังมิให้ข้อศอกกางเกินกว่าฉาก ท่านราชทูตประพฤติการอย่างนี้ก็เป็นการจำเป็นอยู่เอง
ที่พระเจ้ากรุงสยามจะต้องก้มลงมารับพระราชสาสน์จนสุดพระองค์ จึงจะถึง มองสิเออร์ คอนสตันซ์ เคาะกะดานกุกๆ
เตือนอยู่ข้างหลัง แล้วกระซิบเตือนท่านราชทูตว่า “ชูขึ้น! ชูขึ้น!” ท่านราชทูตทำหูทวนลมเสีย และไม่ทำตาม
พระเจ้ากรุงสยามจำต้องชะโงกออกมาจากพระบัญชร
ทรงโน้มพระองค์ลงมาต่ำตั้งครึ่งพระองค์ จึงทรงเอมรับพระราชสาสน์ถึง
การที่เป็นไปเช่นนี้ดูก็น่าขบขันและน่าหวัวเราะ
เรื่องที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น พระเจ้ากรุงสยามตรัสกับมองสิเออร์
คอนสตันซ์ว่า
.
“จงปฏิบัติการทุกสิ่งทุกอย่างให้เต็มความสามารถ เพื่อให้เป็นเกียรติยศแก่ราชทูตฝรั่งเศส การภายนอกพระราชวังนั้นตกเป็นพนักงานของท่าน ส่วนการภายในพระราชฐานนั้นเป็นธุระของเราเอง”
.
“จงปฏิบัติการทุกสิ่งทุกอย่างให้เต็มความสามารถ เพื่อให้เป็นเกียรติยศแก่ราชทูตฝรั่งเศส การภายนอกพระราชวังนั้นตกเป็นพนักงานของท่าน ส่วนการภายในพระราชฐานนั้นเป็นธุระของเราเอง”

พระเจ้ากรุงสยามไม่มีพระราชประสงค์ที่จะให้เลื่อนพระโธรนลงต่ำ หรือเอาบันไดพาดเสริมต่อให้สูงถึงพระโธรน แต่พระองค์ทรงกระทำพระธุระให้เสร็จไปได้และท่านราชทูตไม่ต้องชูพานพระราชสาสน์เทิดขึ้นไปจนถึงช่องพระแกล พระองค์ทรงพระอุสสาหะโน้มพระองค์ลงมารับพระราชสาสน์ได้ พระสริรกายและอากัปปกิริยาของพระองค์ เป็นที่ต้องอัธยาศัยข้าพเจ้ายิ่งนัก...”
.
และบาทหลวง
เดอ ซัวซีย์ ยังได้บันทึกไว้อีกความตอนหนึ่งว่า
.
“...มองสิเออร์
คอนสตันซ์ พึ่งกลับไปเมื่อกี้นี้เอง เขาเป็นนายคน
ท่านราชทูตปรับทุกข์กับข้าพเจ้าว่า
พอแลเห็นพระเจ้ากรุงสยามประทับอยู่บนพระโธรนสูงเหลือเกิน ตัวท่านก็เสียใจ
เพราะท่านตกลงใจแล้วว่า จะไม่ชูพานพระราชสาสน์ขึ้นสูง (ให้ผิดมรรยาทของชาวฝรั่งเศส)
ซึ่งอาจทำให้พระเจ้ากรุงสยามสิ้นอาลัย, หมดนับถือ ข้าพเจ้าพูดให้มองสิเออร์
คอนสตันซ์ฟังว่า “ข้าพเจ้าประหม่ายิ่งกว่าท่านราชทูตเสียอีก
ตัวท่านมีพระเจ้าอยู่หัวแต่พระองค์เดียวเท่านั้น
ที่จะต้องระวังอะไรให้ต้องด้วยพระราชประสงค์
แต่ข้าพเจ้านี้จะต้องปฏิบัติการให้ต้องด้วยพระราชอัธยาศัยแห่งพระเจ้าอยู่หัวถึงสองพระองค์”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น